Planet of War
ในโลกปัจจุบัน ฉันเป็นแค่คนติดเกมส์ ทำงานไปวันๆ หากแต่ในโลกอีกใบ ฉันคือตำนานที่เดินได้เพียงเพราะทักษะต่างๆที่ได้จากการเล่นเกมส์
ผู้เข้าชมรวม
90
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
"โอ้ยยย เลิกงานดึกอีกแล้วเนี่ย" ฉันบ่นอย่างหงุดหงิด "แขกจะมาอะไรกันเยอะแยะวะ
เซ็งจริงๆ"
บ่นเสร็จก็หันไปมองสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่ด้านหลังตนเอง นี่คือโรงแรมระดับ 5 ดาว ชื่อดังของเมืองที่ฉันอยู่ในทีแรกที่เข้ามาได้ก็คิดว่าเป็นเพราะความโชคดีที่ไหนได้
พอเข้ามาแล้วถึงรู้ว่านี่มันเวรกรรมของฉันชัดๆ
"เงินเยอะบ้าอะไร ใช้อย่างกับทาส.." ฉันว่าพลางเหลือบมองนาฬิกา
"สายป่านนี้แล้วพวกนั้นทำลายสถิติชั้นไปแล้วละมั้ง" ในตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าที่ฉันได้เลิกงาน
ยังดีที่ตอนนี้ Game Center เปิด 24 ชม.แล้ว
"ไปดูหน่อยดีกว่า" ว่าแล้วฉันก็รีบเดินออกจากหน้าโรงแรม The
Paradise โรงแรมที่เพิ่งเข้ามาทำงาน การเดินทางไปที่ Game
Center เป็นอะไรที่รวดเร็วสำหรับฉันที่มีสกู๊ตเตอร์ ขี่ไปเพียง
15 นาทีก็ถึงที่หมาย เบื้องหน้าฉันคือแหล่งรวมเครื่องเล่นเกมส์ขนาดใหญ่ที่สุดในกรุงเทพ
ติ้ง
เมื่อไปยืนที่ประตูอันตโนมัติ บานเลื่อนใสสองบานก็พลันเปิดออกภาพในนั้นสะท้อนในแววตาของฉัน
เครื่องเกมส์มากมายที่วางเรียงรายและมีคนเล่นบ้างประปราย ลูกชายเจ้าของร้านที่รู้จักกับฉันรีบเดินเข้ามาต้อนรับทันที
"ว้าววว วันนี้มาได้ด้วยนะครับอลิส"
ใบหน้าขาวๆนั้นมีรอยยิ้มอย่างยินดี
"เติมพี่ด้วยสิ" ฉันบ่นอย่างรำคาญ "นายเด็กกว่าชั้นกี่ปีอย่ามาตีซี๊นะ"
"ฮ่าๆๆ แค่ 3 ปีเอง" เสี่ยงทุ้มนั้นหัวเราะพลางตอบ ดวงตาเรียวยาวเป็นประกาย
จมูกที่รับกับใบหน้ายังไม่นับริมฝีปากได้รูป สรุปตรงๆเลยว่าคนตรงหน้าฉันเป็นผู้ชายที่หน้าหล่อมากคนหนึ่ง
เรียกได้ว่าเป็น เดือนแห่ง Gamer เลยก็ว่าได้
"จะกี่ปีก็ต้องเรียกเด็กน้อย" ฉันพูดอย่างหงุดหงิดแล้วก็รีบเดินหนีเจ้าเด็กน่ารำคาญนั่นไปที่เครื่องประจำ
"อ๊ะๆ รีบไปจังเลยนะครับลิสซี่" ไม่พูดว่ายังเดินตามมาติดๆ
"ผมไม่ได้ชื่อเด็กน้อยนะ ผมชื่ออัลฟ่า ตะหาก"
ยิ่งได้ยินยิ่งโมโห
ฉันหันไปถลึงตาใส่อย่างดุร้ายก่อนที่จะสะบัดหน้าหนี ยิ่งทำหงุดหงิดดูเหมือนอัลฟ่าจะยิ่งอารมณ์ดี
เมื่อหล่ายปีก่อนตอนที่ฉันยังเรียนปี 1 ที่มหาวิทยาลัย ฉันได้พบกับเด็กชายวัย 15 ที่นี่และเพราะการที่ได้พบกันวันนั้น
ทำให้วันนี้ถึงมีตัวน่ารำคาญตามติดเสมอนี่แหละ
"รู้แล้ว ไปเฝ้าร้านไป" ฉันพูด
"แหม ที่ร้านมีกล้องนะครับ อีกอย่างเดี๋ยวพวกพี่ๆเขาก็กลับจากเซเว่นกันแล้ว"
อัลฟ่าตอบยิ้มๆ "ผมไม่ได้เจอลิซซี่ตั้งนาน คิดถึงมากเลย"
"ช่วยเรียกเต็มๆว่าพี่อลิสด้วย" ฉันย้ำ
"ทำไมละ ชื่อนั้นมีแต่คนเรียกนี่นา" อัลฟ่าตอบกลับ "เรียกว่าลิซซี่ดีกว่าไม่เหมือนใคร"
"เหอะ" ฉันแค่นเสียงอย่างรำคาญ ในวันนั้นไม่น่าไปช่วยสอนเด็กนี่เล่นเกมส์เลยหลังจากนั้นก็ตามติดมาตลอด
ฉันมองไปข้งหน้าก็พบกับเครื่องเล่นประจำ มันคือเครื่องเล่นเกมส์ที่เป็นคล้ายๆกับตู้กระจกขนาดใหญ่มากกินที่ของ
Game Center ไปเหมือนป้องใหญ่ๆเลยทีเดียว มีชื่อเล่นว่า ตู้ปลา
ความพิเศษของตู็นี้คือการจำลองภาพผ่านแว่นตาเสมือนจริงรวมกับถุงมือและชุดเกราะที่ทำให้รู้สึกถึงความเจ็บปวดจริงๆ
อีกทั้งการจำลองสภานการณ์เกมส์ด่านต่างๆมาใช้ได้อย่างไม่จำกัด พื้นของเครื่องเกมส์จะเป็คล้ายๆกับลู่วิ่งที่สามารถวิ่งได้แบบไม่จำกัด
ทำให้ไม่ชนกำแพง เจะไม่เหมือนเกมส์ออนไลน์ที่ใช้เตียงจับคลื่นสมองในการเล่น พื้นฐานก็ง่ายๆคือจะคล้ายๆกับการเคลียด่านไปเรื่อยๆ
ถ้าผ่านด่าน 1 ถึงจะไปด่าน 2 ได้ ยิ่งด่านสูงก็ยิ่งยาก ในเกมส์นี้มี 100 ด่าน เริ่มแรกคือผู้เล่นจะต้องเลือกอาวุธของตัวเองก่อน
อาวุธหลักๆจะเป็นปืนกับมีดสั้น ยิ่งผ่านไปด่านสูงก็ยิ่งต้องอัพเกรดปืนและกระสุนรวมกับทั้งต้องเก็บคะแนนจากการล่ามาใช้แลกอีกเช่นกัน ในแต่ละครั้งที่เริ่มเล่นจะมีชีวิต 1 ชีวิต ถูกโจมตีแบบถึงตายได้เพียงแค่
5 ครั้ง เราจึงจำเป็นต้องยิงกล่องพยาบาลหรือขวดยาเช่นกัน รวมทั้งกล่องไอเทมสีทองที่จะโผล่มาตามมุมต่างๆ
เพื่อที่จะพิชิตเกมส์นี้ให้ได้เมื่อกลายปีก่อนฉันลงทุนออกกำลังกายเข้าฟิตเนสและเรียนศิลปะการต่อสู้
เพราะตั้งแต่เริ่มที่เกมส์เปิดตัวมาตอนปี 2130 จนตอนนี้ 6 ปีแล้วยังไม่มีใครพิชิตด่านที่
100 ได้เลย เครื่องเกมส์นี้ถูกจำหน่ายไปทั่วโลก และมีระบบออนไลน์แบบถึงกันหมดหมายความว่า
ถ้ามีใครมีชื่อขึ้นในบอร์ดสถิตินั่นคือเราจะสามารถรู้ได้ว่า มีใครไปถึงด่านไหนแล้ว
ตอนนี้ฉันไปถึงด่านที่ 99แล้ว เหลืออีกแค่ 1 ด่านก็จะพิชิตได้เพียงแต่ตอนนี้มีคนที่พยายามจะตีตื้นอันดับของฉันอยู่
และอาจจะมีคนที่สามารถพิชิตด่านที่ 100 ได้ก่อนก็เป็นได้
ฉันเดินไปที่เครื่องเล่นเกมส์พร้อมกับใช้บัตรสีทองแตะไปที่แป้นสี่เหลี่ยมข้างๆ
ฉับพลันกระจกบานใหญ่ก็แสดงข้อมูลขึ้นมา
Name : Alisa
Vatakul
Code Name : Lady
Alis
Level : 99
Rank : 2nd
Status : Online
มองเผินๆเหมือนทุกอย่างจะปกติเพียงแต่...
"อันดับ 2!!!!!" ฉันแทบอยากจะกรีดร้อง "แล้วอันดับ 1 มันเป็นใครกัน"
ตี้ด
เสียงบัตรได้ดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับข้อมูลที่ขึ้นมาข้างๆกัน
Name :
Arnotai Mekarattana
Code Name : Lord
Alfa
Level : 99
Rank : 1st
Status : Onlne
"นี่!!! ตั้งแต่เมื่อไร" ฉันหันไปถามอย่างอารมณ์ขึ้น ในขณะที่เจ้าตัวเอาแต่ยิ้ม “รีบๆตอบมาอย่ามาทำกวน”
“ก็ประมาณเดือนก่อนนะครับ ตอนทิ่ลิซยุ่งๆไง” อัลฟ่าตอบอย่างอารมณ์ดี “ทีนี้ผมก็สามารถจอยเกมส์กับลิซได้แล้วนะ”
“จะมาจอยอะไรยะ?” ถามด้วยความหงุดหงิด “อย่างนายน่ะเร็วไป 100
ปีจะมาเทียบชั้น เล่นทีเผลอละสิ”
“เปล่านะ ใครๆก็เห็นว่าคะแนนผมมากกว่าลิซ ไม่ได้โกงด้วย” ร่างสูงตอบ “เกมส์นี้ใครๆก็เล่นเป็นคู่หูเพราะมันเพิ่มโอกาสชนะ”
“เราอาจจะชนะก็ได้นะ” ไม่ว่าเปล่า
อัลฟ่ายังขยับเข้ามาใกล้ซะจนแทบจะชิด
“ฉันไม่ชอบเล่นกับคู่หู มันตัวถ่วง” ฉันว่าพลางหยิบถุงมือขึ้นมาใส่
ในขณะที่คนข้างๆก็ทำไม่รู้ไม่ชี้พร้อมกับใส่ถงมือเช่นกัน
“ใครบอกจะเล่นกับนาย” ฉันถาม
“แล้วใครห้ามผมเล่นกับลิซล่ะ?” เสียงตอบกลับนั้นกวนส่วนล่างยิ่งกว่าครั้งไหนๆ
“ก็ฉันนี่แหละห้าม”
“ลิซเคยบอกผมว่า ถ้าผมอยากเล่นกับลิซ..ผมต้องชนะลิซให้ได้ก่อน”
อัลฟ่าร่ายยาว “ตอนนี้ผมก็ชนะแล้วอันดับนั่นเป็นเครื่องพิสูจน์ที่ดีที่สุด หรือว่าลิซลืมคำพูดตัวเอง”
“อย่ามาย้อนหน่อยเลย” ฉันเอ่ย พอได้ยินคำพูดนั้นมันก็ทำให้ความทรงจำย้อนกลับไปยังตอนที่เริ่มเจอกับอัลฟ่าใหม่ๆ
ตอนนั้นหมอนั่นกากไม่ใช่เล่นๆเลย ไม่น่าเชื่อว่าจะพัฒนามาจนชนะได้ อีกอย่างการที่จะจอยเกมส์นั้นทั้งคู่ต้องมีระดับเลเวลที่เท่าเทียมกันและมาถึงด่านเดียวกันถึงจะจอยได้
Lord Alfa invite you to party…..
Yes , No
“จะเล่นก็เล่น” ฉันว่าและก็กดข้อความยืนยัน Yes
ปิ๊บ
สื้นเสียงข้อมูลของฉันกับอัลฟ่าก็หายไปแต่ที่ชุดเกราะจำลองมีชื่อปรากฏขึ้นพร้อมกับพลังชีวิตของแต่ละคนทำให้สามารถมองพลังชีวิตของเพื่อนอีกคนได้
ฉันก้าวเข้าเครื่องเล่นเกมส์ไปก่อน ในปืนถือสั้นทั้งสองมือ
ปกติแล้วเกมส์พวกนี้ผู้เล่นส่วนมากๆแทบทุกคนจะใช้แค่กระบอกเดียว
แต่ฉันชอบเล่นคนเดียวดังนั้นปืนสองกระบอกย่อมดีกว่ากระบอกเดียวอีกทั้งฉันยังถนัดทั้งสมองมือด้วย
ในเรื่องการทำงานมันอาจจะไร้ประโยชน์แต่การเล่นเกมส์มันทำให้ฉันไต่อันดับคนเดียวแบบไร้คู่หูได้อย่างยอดเยี่ยมและราบรื่น
เมื่อหันไปมองคนข้างๆก็พบว่า อัลฟ่าเลือกที่จะใช้ปืนไรเฟิลขนาดใหญ่
ข้อดีของมันคือพลังทำลายล้างที่สูงมากแต่ก็หนักมากเช่นกันเรียกได้ว่าแทบไม่มีผู้เล่นคนไหนใช้เลยมากกว่า
เพราะปืนที่ใหญ่ก็ยิ่งทำให้เคลื่อนไหวลำบาก ฉันเองยังแทบไม่เชื่อสายตาเลยว่าอัลฟ่าจะเลือกปืนนี้
ดูจากแขนและลำตัวแล้วก็ไม่น่าจะมีกล้ามเนื้ออะไรไม่น่าจะแบกมันไหวด้วยซ้ำ
เพราะความเหมือนจริงของเกมส์จึงทำให้ความหนักของอาวุธและชุดเกราะเท่ากับของจริงทั้งหมด
มันจึงเสมือนจริงมาก
“เริ่มเลยไหมครับ?” อัลฟ่าหันมาถาม
“กดเลย” ฉันว่าฃจบ ร่างสูงก็หันไปกดที่ปุ่ม Start ข้างกระจกพร้อมกับที่ประตูกระจกปิดลง
ความมืดเริ่มโรยตัวลงมาบดบังทัศนวิสัยเพียงครู่เดียวก็มีแสงสว่างวาบปรากฏขึ้น
พร้อมกับตัวอักษรที่แสดงขึ้นมา START
ฟู่ๆๆๆๆ เสียงเครื่องปรับอากาศได้พ่นไอเย็นๆออกมา ด่านที่ 100
นี่เป็นด่านที่ใครหลายคนอาจจะเคยเข้ามาเล่นแต่ยังไม่มีใครเคลียร์มันได้ ฉันก็คือ 1 ในนั้น สภาพภายในด่านนี้จะเป็นการจำลองภูเขาน้ำแข็งที่ราบที่ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งลื่นๆ
แทบไม่มีที่หลบกำบังหรืออะไรทั้งนั้น
ด่านสุดท้ายจะเป็นการปะทะกับกองทัพของฝ่ายตรงข้ามหลายร้อยตัวพร้อมกับรองบอส 3
ตัวและบอสใหญ่อีก 1 ตัว
กล่องยาในด่านนี้แทบจะไม่มีและยังถูกซ่อนแบบที่ถ้าไม่ไวจริงๆจะมองไม่ทัน
ฉันค่อยๆระบายลมหายใจออกมาอย่างช้าๆ
หัวใจที่เต้นแรงเพราะการสูบฉีดของเลือดอย่างตื่นเต้น
ฝ่ามือเย็นเฉียบกำปืนแน่น
‘มาแล้ว’ เสียงในใจฉันร่ำร้อง
ครืนนนนนนนนนน
แผ่นดินไหวใต้เท้าพร้อมๆกับภูเขาน้ำแข็งตรงหน้าแยกออกจากัน
ดวงตาสีเหลืองนับร้อยคู่ปรากฏขึ้นในความมืด เสียงตบเท้าอย่างพร้อมเพรียงของกองทหารดังเข้ามาในโสตประสาท
ปัง ปัง ปังๆๆๆๆ
ฉันเริ่มสาดกระสุนใส่หมวกกันน็อคที่อีกฝ่ายใส่ทันที ในด่านที่ 100 นี้
ศัตรูจะใส่ชุดเกราะหนาทั้งหัวจรดเท้าเรียกได้ว่าการอัพเกรดปืนที่ผ่านมาก็เพื่อการนี้ล้วนๆ ปืนสั้นนั้นมีข้อเสียคือระยะการยิงไม่ไกล
แต่จุดเด่นคือความไวและความคล่องตัว
น้ำหนักเบาหากอัพมาแบบเน้นความแรงก็สามารถยิงเจาะเกราะได้เช่นกัน
หลังจากเริ่มยิงไม่กี่วินาทีฉันก็พุ่งเข้าหาที่กำบังตัวที่ใกล้ที่สุดก่อนทันทีเพื่อรอการตอบโต้ของฝั่งศัตรู
การผลีผลามบุกเข้าไปเพราะย่ามใจเป็นการกระทำที่โง่มากหันไปมองคู่หูจำเป็นที่มาด้วยกัน
ภาพตรงหน้าคืออัลฟ่ากำลังตั้งปืนสไนเปอร์อยู่บนก้อนหิน
สไนเปอร์อันนี้เป็นอันที่ฉันไม่ได้สังเกตว่าอัลฟ่าได้ถือเข้ามาด้วย
ถึงแม้จะไม่มีกำหนดก็เถอะว่าจะใช้ปืนได้กี่อันแต่การแบกปืนขนาดใหญ่น้ำหนักมากสองอันนี่มันเกินระดับเด็กมหาลัยไปแล้ว
“อัลฟ่า!! นายยิงแม่นหรอ?” ฉันถามพลางขมวดคิ้ว ไม่มีเสียงตอบกลับมาจากร่างนั้นมีเพียงรอยยิ้มมุมปากที่สะท้อนอยู่ในแว่นตาของฉันเท่านั้น
ปัง ปัง ปัง ๆๆ เสียงปืนดังขึ้นอย่างเป็นจังหวะ
ทุกนัดที่ยิงออกไปสามารถเจาะกะโหลกฝ่ายศัตรูได้ทุกนัดเรียกได้เลยว่า one
shot one kill ข้อเสียของสไนเปอร์ก็คือความยาวที่เป็นปืนไกลและหนัก แถมยิงได้ทีละไม่กี่นัด
รวมทั้งความช้าในการบรรจุกระสุนอีก
จึงไม่มีใครใช้เพราะการที่จะใช้สไนเปอร์ผ่านมจนถึงด่านที่ 100 ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
ด่านแรกๆจะเน้นการหลบและการเคลื่อนไหวเป็นหลัก ทุกคนจึงเน้นใช้ปืนสั้น รวมทั้งจากสายตาแล้วสไนเปอร์ที่อัลฟ่าใช้มันเป็นแบบอัพเกรดมาเต็มระดับ
นั่นหมายถึงความแรงที่เทียบได้กับการเจาะรถถังเลยทีเดียว เนื่องจากเป็นด่านที่ 100
ศัตรูจึงเคลื่อนไหวช้าลงแต่เกราะก็ครบครันมากเช่นกัน กว่ามันจะมาถึงตรงที่ฉันกับอัลฟ่าอยู่ก็โดดเก็บไปหมด
“จริงๆผมว่ามันก็ง่ายนะ
ถ้าใช้สไนเปอร์แบบนี้ก็ยิงได้จากไกลๆแบบปลอดภัย” อัลฟ่าพูด
“ใครมันจะไปอัพสไนกัน??” ฉันว่าพลางหันไปมองพื้นที่ตรงหน้า
“ผมไง?” อัลฟ่าตอบ “แรกๆก็เล่นยากอยู่แต่พอใช้เป็นแล้วมีประโยชน์มากนะ”
“จ้าๆ เก่งจ้า” ฉันเอ่ยอย่างไม่ได้หันไปมอง
นั่นทำให้ไม่ได้เห็นใบหน้าที่ขึ้นสีของชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆ
“มันมาแล้ว!!” สิ้นเสียงฉันการโจมตีระรอกสามก็เริ่มขึ้น
ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงปืนพร้อมกับเสียงกระสุนหล่นกระทบพื้นดังเกลื่อนกราด
อัลฟ่าจะจัดการเก็บพวกตัวไกลๆในขณะที่ตัวไหนเข้ามาใกล้ฉันจะเป็นคนจัดการ
คนสองคนได้สู้ประสานกันแบบไร้ที่ติ
ทั้งๆที่เป็นครั้งแรกที่เคยเล่นเกมส์ด้วยกันแต่ดูราวกับว่าอัลฟ่าจะรู้ทิศทางการเคลื่อนไหวของฉันไปเสียทั้งหมดพร้อมกับยิงอุดช่องว่างให้ราวกับเคยเล่นกันมาแล้วนับพันครั้ง
ครืนนนนนนนนน เปรี้ยง!!!! เสียงฟ้าผ่าดังลั่นอยู่ภายนอก Game Center
เสียงนั้นได้ดังทะลุเช้ามาภายในเครื่องเกมส์
มันทำให้ฉันรู้สึกว่าพายุกำลังมา จะต้องรีบเคลียด่านนี้ให้ได้ก่อนที่ฝนจะตก
จะได้รีบกลับบ้าน แถมข่าวพยากรณ์อากาศเมื่อหลายวันก่อนยังอยู่ในสมอง
ที่บอกว่าจะมีพายุฟ้าคะนองทั่งทุกพื้นที่แถมยังมีบรรยากาศแปรปรวนอะไรอีกมากมาย
พื้นสั่นสะเทือนเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่ร่างบอสใหญ่จะปรากฏออกมาทั้งตัวหุ้มเกราะในมือถือปืนใหญ่ขนาดยักษ์ที่ท่ายิงทีคง
Game over กันอย่างพร้อมเพียงแต่ข้อเสียก็คือระยะเวลาการชาตก่อนยิงนั้นค่อนข้างนาน
ถ้าหากว่าใช้เวลาตรงนี้ยิงทำลายปืนได้เสียก่อนจะเป็นประโยชน์มา
“อัลฟ่า นายเล็งปืนมันนะ
ฉันจะฆ่ามันเอง” ฉันพูดพลางกระชับปืนในมือ
“ครับนายหญิง” อัลฟ่าตอบรับอย่างล้อเลียน
สิ่งเดียวที่ฉันทำได้มีเพียงหันไปมองอย่างคาดโทษก่อนที่จะพุ่งเข้าใส่ศัตรูตัวสุดท้ายอย่างเหี้ยมหาญ
ปังๆๆๆๆๆๆ
เสียงปืนดังขึ้นอย่างถี่ยิบจุดแรกที่ฉันเล็งและเชื่อว่าทุกคนต้องเล็งคือจุดอ่อนของบอสที่จะปรากฏเป็นสีแดงๆ
บางตัวจะอยู่ที่เท้า ที่หลัง ที่ลิ้น ที่หัว หรืออะไรก็แล้วแต่
แต่ตัวนี้จะอ่อนมันอยู่ตรงหัวใจที่อยู่เบื้องหลังเกราะหนาของมัน
แน่นอนว่าเราต้องยิงเกราะให้แตกก่อนที่จะยิงจุดอ่อนนั้นได้
ปังๆๆๆ
เสียงสไนเปอร์ดังข้างหูอย่างเป็นจังหวะ
แต่ละคนต่างทำหน้าที่ตัวเองเป็นอย่างดีนั่นทำให้เลือดของบอสเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ปัง!!!! เสียงระเบิดของปืนใหญ่ของบอสทำให้ฉันยิ่งรู้สึกฮึกเหิมมากเข้าไปอีก
‘ชนะแน่’ นี่คือเสียงที่แทบตะโกนกู่ร้องในใจ
เมื่อบอสไม่มีปืนใหญ่แล้วการฆ่าในพริบตาจึงไม่มีทางเกินขึ้น
มันได้เปลี่ยนมาใช้ปืนแบบ machine gun ที่ยิงรัวได้หลายสิบนัดพร้อมกับอานุภาพทำลายล้างสูง
แถมมันยังถือสองมืออีก!!
ปังๆๆๆๆๆๆๆๆ เสียงปืนที่ไล่หลังมาทำให้ฉันวิ่งไปด้านข้างพร้อมกับตีลังกาหลบอย่างรวดเร็ว
แถวนั้นไม่ได้มีที่กำบังเลยด้วยซ้ำตอนนี้จึงเป็นการวิ่งหนีไปด้านข้างเพื่อหลบกระสุนเท่านั้น
ปังๆๆๆ เสียงปืนที่ยิงมาจากด้านหลังเปลี่ยนไป
มันไม่ใช่สไนเปอร์อีกแล้วแต่มันเป็นเสียงของปืนไรเฟิลขนาดใหญ่ที่อัลฟ่านำมา
“ลิซหลบเร็ว” อัลฟ่าร้องบอก “ด้านซ้ายมีบังเกอร์”
ฉันได้ยินก็พุ่งไปด้านซ้ายแบบไม่คิดชีวิต
พอมาอยู่หลังบังเกอร์แล้วถึงได้มีโอกาสโผล่หน้าออกไปดูสถานการณ์บ้าง
ภาพที่เห็นคืออัลฟ่ากำลังใช้ปืนยิงไปพลางวิ่งไปพลาง แถมยังหลบหลังบังเกอร์ หรือ
ต้นไม้ สิ่งกีดขวางใดๆได้อย่างไร้ที่ติ เป็นจังหวะราวกับว่าอ่านเกมส์ไว้แล้ว
ปังงๆๆๆ เสียงรัวปืนดังขึ้นอย่างไม่หยุด
เลือดของบอสใหญ่ที่เหลือน้อยกว่ากลางหลอดก็ยิ่งลดอย่างรวดเร็วถึงจุดนี้ฉันจึงรีบยิงช่วยไปแบบลืมตาย
ในหัวตอนนี้มีแต่คำว่าชนะเท่านั้น
อ๊ากกกกกกกกกก
เสียงคำรามครั้งสุดท้ายของบอสใหญ่ดังขึ้นก่อนที่ร่างของมันจะล้มตึงลงกับพื้น
ปิ๊บ เสียงเครื่องเกมส์ดังขึ้นในอากาศพร้อมกับตัวอักษรที่ลอยขึ้นมา
‘Victory’
“กรี้ด” ฉันกรีดร้องอย่างดีใจ พร้อมกับพุ่งออกมาจากที่กำบังจุดหมายคือร่างที่อยู่หลังต้นไม้
หมับ!! ด้วยความดีใจแบบลืมตัวสุดๆ
ฉันได้พุ่งเข้าไปกอดอัลฟ่าแบบไม่อายอะไรทั้งนั้น
“เราชนะแล้ว!!” ฉันพูดอย่างลิงโลด
ในขณะที่อัลฟ่าสตั้นไปเรียบร้อยแล้วกับการจู่โจมแบบไม่ทันตั้งตัวของฉัน
“ฉันรักนายจริงๆเลยอัลฟ่า ฮ่าๆๆๆ” ฉันหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ส่วนร่างสูงที่ฉันไม่แม้แต่จะเหลือบมองนั้นมีสีหน้าแดงก่ำ
เสียงหัวใจที่เต้นรัวจนตัวเองยังได้ยินนั้น
มือสองข้างยกขึ้นมากอดตอบอย่างไม่รู้ตัว
ในอารามที่กำลังดีใจนั้นเอง
ครืนนนนน เปรี้ยงงงงงงงงงงงง เสียงฟ้าผ่าดังสนั่นพร้อมกับแสงที่สว่างจ้าเกินกว่าสายตามนุษย์จะมองเห็น
ความร้อนที่แทบจะแผดเผาสองร่างให้ไหม้เป็นจุล ความเจ็บปวดแล่นเข้าสู่สมองในทันที
ภาพตรงหน้าตัดไปกลายเป็นความมืดเข้ามาแทนที่หรือนี่คือ ‘ความตาย?’
...............................................................................................................................................................
ข้อมูลเบื้องต้นเยอะไปไหมไรท์ก็ไม่แน่ใจ แต่ว่าคอมเม้นบอกกล่าวกันบ้างก็ได้ ไม่ว่ากันนะ
ผลงานอื่นๆ ของ Little_Shark ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Little_Shark
ความคิดเห็น